คาร์ซีท เป็นอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยขณะนั่งในรถของลูกน้อย คาร์ซีทมีความสำคัญและจำเป็นมากสำหรับคุณพ่อคุณแม่เวลาไปไหนมาไหนและต้องเอาลูกน้อยไปด้วยเพราะลูกน้อยของคุณไม่สามารถนั่งเองได้ด้วยตนเอง
จะต้องมีคาร์ซีทติดรถไปด้วยทุกที่เพื่อความสะดวกสบาย และในหลายประเทศที่พัฒนาแล้วมีการออกกฎหมายบังคับใช้ และมีบทลงโทษแก่ผู้ฝ่าฝืน สำหรับในเมืองไทยนั้นการใช้คาร์ซีทเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น
เรื่องต้องรู้ ก่อนให้ลูกนั่ง “คาร์ซีท” มีดังนี้
1.ติดตั้ง คาร์ซีท ไม่ถูกต้อง
ข้อแรกเลยคุณต้องรู้ก่อนว่า ขนาดของคาร์ซีทนั้น พอดีกับเบาะรถของคุณ และต้องติดตั้งให้ถูกด้วย เพราะคาร์ซีทมีทั้งแบบหันหน้าและหันหลัง หากคาร์ซีทเป็นประเภทไหน ควรติดตั้งทิศทางให้ถูกต้อง นอกจากนี้ ควรตรวจดูสายคาดให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
สามารถล็อคได้มั่นคง หากคุณแม่เห็นว่าคาร์ซีทมีความผิดปกติหรือได้ยินเสียงแปลก ๆ ควรนำคาร์ซีทไปซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ ไม่ควรให้ลูกใช้ต่อไปค่ะ หากยังอยู่ในช่วงประกัน ช่างจะซ่อมให้ฟรีค่ะ
2.ใช้สายคาดผิดวิธี
สายคาดไม่ควรหลวมหรือรัดตึงเกินไป คุณพ่อคุณแม่สามารถทดสอบสายคาดโดยจับสายคาดให้ตึง จากนั้นใช้นิ้วจิ้มดู หากสายบุ๋มลงมาก แสดงว่าหลวมเกินไป
สำหรับคาร์ซีทแบบหันหลัง สายควรอยู่ที่ระดับหรืออยู่ใต้ไหล่ของลูกเล็กน้อย หากเป็นคาร์ซีทแบบหันหน้า สายคาดควรอยู่ระดับเดียวกันหรือเหนือกว่าไหล่ของลูกค่ะ
3.ให้ลูกนั่งหันหน้าเร็วเกินไป
คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจเคยได้ยินมาว่า ช่วงขวบปีแรกควรให้ลูกนั่งหันหลัง จนกว่าลูกจะน้ำหนัก 9-10 กิโลกรัม ถึงจะให้นั่งหันหน้า ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด โดยสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า ควรให้ลูกหันหลังจนกว่าจะ 2 ขวบ
และหากเป็นไปได้การนั่งแบบหันหลังนั้นปลอดภัย และควรให้ลูกนั่งหันหลังให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณแม่หลายคนอาจกังวลว่าหากลูกตัวใหญ่ขึ้น อาจนั่งหันหลังแล้วรู้สึกว่าขาติดกับพนักเบาะรถหรือต้องงอขา
แต่จริง ๆ แล้วร่างกายของเด็กสามารถยืดงอได้ดีกว่าผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรกังวลในข้อนี้ พอลูกโตเกินกว่าขนาดคาร์ซีท แล้วค่อยให้ลูกนั่งหันหน้ากับเบาะปกติก็ไม่สายเกินไปค่ะ
4.ให้ลูกนั่งบูสเตอร์ซีทเร็วเกินไป
บูสเตอร์ซีท (Booster Seat) คือเบาะรองนั่งของเด็กสำหรับใช้ในรถยนต์ ใช้สำหรับเด็กช่วงอายุ 3-12 ขวบ (น้ำหนักเด็กประมาณ 15 – 36 กิโลกรัม) มีเจ้าของสินค้าบางเจ้า แนะนำว่าควรให้ลูกนั่งบูสเตอร์ซีทตั้งแต่ลูกอายุ 3 ขวบ
แต่จริง ๆ แล้วควรรอให้ลูกน้ำหนักประมาณ 18 กิโลกรัมหรืออายุ 4-5 ขวบ และลูกสามารถนั่งโดยมีสายคาดพาดผ่านหน้าอกได้ตลอดการเดินทาง และแพทย์ยังแนะนำว่าสายรัดตัวแบบ 5 จุดปลอดภัยกว่าบูสเตอร์ และพ่อแม่ควรใช้สายรัดตัวจะดีกว่า
เพราะสามารถปกป้องเด็กได้ดีกว่าเข็มขัดนิรภัยของบูสเตอร์ซีท เพราะสายรัดตัวสามารถปกป้องลำตัวด้านบน ลดการเคลื่อนไหวและการกระแทกบนหัวและคอลงได้ ขณะที่เข็มขัดนิรภัยปกป้องบริเวณอกและสะโพกเท่านั้น
คาร์ซีท มีอยู่ด้วยกัน 4 แบบ แล้วแบบไหนจะเหมาะกับลูกของคุณเราไปดูกันเลยค่ะ
1.REARWARD-FACING BABY SEAT หรือคาร์ซีทแบบนั่งหันหน้าไปด้านหลังรถ
คาร์ซีทแบบนั่งหันหน้าไปด้านหลังรถเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึง 15 เดือนเนื่องจากเด็กในวัยนี้มีกระดูกคอและหลังที่ยังไม่แข็งแรงพอจะรองรับกับแรงกระชากหรือแรงปะทะ คาร์ซีทที่มีทิศทางการหันหน้าไปด้านหลังรถจะช่วยลดแรงกระแทกได้เป็นอย่างดีเมื่อรถเบรกหรือเกิดอุบัติเหตุค่ะ
2. COMBINATION SEAT หรือคาร์ซีทแบบผสม นั่งหันได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ
คาร์ซีทแบบผสมเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึง 6 ปี เพราะเมื่อลูกเริ่มโตกระดูกคอและหลังเริ่มแข็งแรงก็สามารถนั่งคาร์ซีทที่หันหน้าไปด้านหน้ารถได้แล้ว คาร์ซีทแบบผสมอาจถูกออกแบบมาเพื่อช่วยคุณพ่อคุณแม่ประหยัดงบประมาณ และสามารถซื้อครั้งเดียวแล้วใช้ไปได้อีกหลายปีเลยค่ะ
3. FORWARD-FACING CHILD SEAT คาร์ซีทแบบนั่งหันหน้าไปด้านหน้ารถ
คาร์ซีทแบบนั่งหันหน้าไปด้านหน้ารถเหมาะสำหรับเด็กอายุ 9 เดือนจนถึง 11 ปี หากคุณดูรายการเด็กบ่อย ๆ อาจเข้าใจว่าคาร์ซีทชนิดนี้เป็นแบบมาตรฐานที่ค่อนข้างพบเห็นได้ทั่วไปก็ว่าได้
4. HIGH-BACKED BOOSTER SEAT คาร์ซีทแบบมีพนักพิงด้านหลัง
คาร์ซีทแบบมีพนักพิงด้านหลังเหมาะสำหรับเด็กอายุ 4 – 12 ปีคาร์ซีทแบบนี้จะมีเบาะนั่งเสริมและมีพนักพิงด้านหลังช่วยให้เด็กโตรู้สึกนั่งสบาย
ซึ่งเบาะประเภทนี้จะเป็นขั้นสุดท้ายของการใช้เบาะนั่งนิรภัยก่อนที่เด็กจะเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัยและสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ได้ค่ะ
วิธีเลือกซื้อ คาร์ซีท มีดังนี้
1.เลือกคาร์ซีท ให้เหมาะสมกับสรีระของลูกน้อย
เนื่องจากอวัยวะต่าง ๆ ของเด็กยังไม่พัฒนาอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นศีรษะ คอ กระดูกสันหลัง ระบบการนอนหรือการปรับอุณหภูมิของร่างกาย จนกว่าเด็กจะสามารถนั่งได้ด้วยตัวเอง
คุณแม่ควรเลือกคาร์ซีทที่เหมาะสมที่จะต้องสามารถประคองเด็กโดยไม่ก่อให้เกิดแรงกดบนตัวเด็กและมีเบาะที่ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป
2.ตรวจสอบดูว่าคาร์ซีท นั้นติดตั้งบนรถของคุณได้อย่างถูกต้องหรือไม่
บางครั้งคาร์ซีท ที่คุณชอบนั้นอาจจะไม่สามารถติดตั้งที่รถของคุณได้ หรือยากแก่การที่จะติดตั้งให้ถูกต้อง ดังนั้นควรตรวจสอบจุดนี้ให้ดีก่อนการตัดสินใจซื้อหากซื้อไปเพราะชอบอาจจะเสียเงินโดยใช่เหตุเพราะซื้อไปแล้วไม่สามารถติดตั้งในรถให้ถูกต้องและปลอดภัยได้
3.เลือกคาร์ซีท ที่ได้มาตรฐานระดับสากล
คุณย่อมต้องการที่จะให้ลูกน้อยได้รับความปลอดภัยสูงสุดใช่ไหม ดังนั้นมาตรฐานระดับสากลก็เป็นการรับประกันคุณภาพของคาร์ซีท ว่าปลอดภัยกับลูกน้อยของคุณได้มากที่สุดแล้วค่ะ
หากยังเลือกไม่ถูกหรือไม่รู้จะเลือกคาร์ซีทแบบไหนดีเรามีตัวอย่าง คาร์ซีท มาให้เลือกพร้อมแล้วเราไปดูกันเลยค่ะ
10 อันดับ คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี
1.คาร์ซีท ELIT แบบกระเช้า รุ่น รุ่น CH9- สีแดง
Elit คาร์ซีทแบบกระเช้า เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก อายุไม่เกิน 9 เดือน หรือน้ำหนักไม่เกิน 13 กิโลกรัม รุ่น CH9 – สีแดง โครงสร้างผลิตจากวัสดุคุณภาพ แข็งแรงทนทาน สีไม่ซีดจาง แม้จะผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน มีขนาดกะทัดรัด
น้ำหนักเบาะเหมาะแก่การพกพาเป็นอย่างยิ่ง ประยุกต์เป็นเปลเด็กก็ได้ เบาะรองนั่งหน้านุ่ม นั่งสบาย มีสายรัดนิรภัย 3 จุด สามารถปรับให้เข้ากับขนาดของตัวเด็กได้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็กได้สูงสุด และที่สำคัญสามารถถอดออก
เพื่อทำความสะอาดได้ง่ายและมีหลังคาคลุมกันแดด กันฝนได้ด้วย และมีสีสันสดใส เหมาะกับลูกน้อยของคุณค่ะ
ข้อดี
- เหมาะสำหรับเด็กที่มีน้ำหนักไม่เกิน 13 กิโลกรัม หรืออายุประมาณ 0-9 เดือน
- ผลิตจากวัสดุคุณภาพ แข็งแรงทนทาน สีไม่ซีดจาง แม้จะผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน
- สามารถถอดออก เพื่อทำความสะอาดได้
- มีสายรัดนิรภัย 3 จุดสามารถปรับเข้ากับขนาดของเด็กได้เป็นอย่างดีและปลอดภัย
- หลังคาคลุมที่ติดมากับเบาะนั่ง สามารถกันได้ทั้งแดดและฝน
ข้อด้อย
- มีรายงานจากผู้ใช้งานว่าไม่มีคู่มือการใช้มาให้
2.คาร์ซีท FICO รุ่น HB902
คาร์ซีทรุ่นนี้เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 4 ปี และเหมาะสำหรับเด็กที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 18 kg. รุ่นนี้มีสายรัดกันกระแทกถึง 5 จุด พนักพิงสามารถปรับได้ 4 ระดับ และสามารถติดตั้งได้ 2 ทิศทางคือติดตั้งแบบหันหน้าเข้าและหันหน้าออก
เด็กที่มีน้ำหนักไม่เกิน 13 kg. ควรติดตั้งแบบหันหน้าเข้าหาเบาะเด็กที่มีน้ำหนัก 9 – 18 kg. ควรติดตั้งแบบหันหน้าออกจากเบาะรถ และที่สำคัญยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04 เลยทีเดียวค่ะ
ข้อดี
- มีระบบป้องกันการกระแทกด้านข้าง
- พนักพิงสามารถปรับได้ 4 ระดับ
- สามารถติดตั้งได้ 2 ทิศทาง
- เหมาะสำหรับเด็กที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 18
ข้อด้อย
- ยังไม่พบข้อเสียจากผู้ใช้งาน
3.คาร์ซีท LUCKY TEAM รุ่น BA81
Lucky Team คาร์ซีทเด็ก แบรนด์ Carmind สีส้ม/สีน้ำตาล ใช้ได้กับรถยนต์ทุกรุ่น เหมาะสำหรับเด็กช่วงอายุ 9 เดือน – 12 ปี และมีน้ำหนัก 9-36 kg. และคาร์ซีทรุ่นนี้เป็นที่ยอมรับและเป็นสินค้าเกรดพรีเมียม และมีฟังก์ชันปรับเอนพนักหลังได้
และสามารถเอนได้มากถึง 45 องศา สามารถติดตั้งได้แน่นกว่ารุ่นทั่วไป เบาะนั่งนิ่ม มีความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน และรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดีให้ลูกน้อยของคุณนั่งไปกับคุณได้อย่างสบายตัวค่ะ
ข้อดี
- สามารถติดตั้งได้ทั้งเบาะหน้า และเบาะหลัง
- ปรับเอนได้ตามใจชอบ
- เบาะหนานุ่ม นั่งสบาย
- มีความแข็งแรง ทนทาน
- รับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี
ข้อด้อย
- ยังไม่พบข้อเสียจากผู้ใช้งาน
4.คาร์ซีท COOL KIDS รุ่น PLUS 0 – 7 ขวบ (สีแดง)
คาร์ซีทรุ่นนี้ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อรองรับในส่วนลำคอและศีรษะของเด็กได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งขณะที่เด็กนั่งในคาร์ซีท คอหรือศีรษะของเด็กจะไม่โอนเอียงหรือคลอนแคลนไปมา ที่ตัวคาร์ซีทมีปุ่มปรับระดับให้สูงขึ้นได้ตามอายุของเด็ก
และมีแผ่นรองรับที่ด้านหลังสามารถปรับได้ตามวัยของเด็ก คาร์ซีทรุ่นนี้สามารถติดตั้งได้ทั้งแบบหันไปข้างหน้าหรือหันไปข้างหลัง รูปทรงของคาร์ซีทเป็นแบบแนวสปอร์ต ส่วนสายรัดเข็มขัดนิรภัยที่มากับคาร์ซีทรุ่นนี้มีถึง 5 จุดด้วยกัน
เพื่อเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับเจ้าตัวน้อยของคุณพ่อคุณแม่ และสายรัดนิรภัยสามารถถอดออกได้เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ได้เมื่อเด็กอายุมากขึ้น และเบาะนั่งสามารถปรับได้ 4 ระดับตามอายุตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงโตและคาร์ซีทรุ่นนี้เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 7 ปีเลยค่ะ
ข้อดี
- ออกแบบมาเพื่อรองรับศีรษะของเด็กได้เป็นอย่างดี
- มีปุ่มปรับระดับความสูงได้ตามอายุของเด็ก
- ปรับเอนเบาะนั่งได้ 4 ระดับ
- มีสายรัดนิรภัยแบบ 5 จุด
ข้อด้อย
- ยังไม่พบข้อเสียจากผู้ใช้งาน
5.คาร์ซีท K.BABY รุ่น SMART B-1(สีฟ้า)
คาร์ซีท K.baby รุ่น smart B-1(สีฟ้า) โครงสร้างผลิตวัสดุแข็งแรงพิเศษ มาตรฐานความปลอดภัยสูง ขนาดสินค้า 44 x 50 x 62 ซม. สามารถติดตั้งได้ 2 ทิศทาง แบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถ และหันหน้าออกทางเบาะรถ สามารถติดตั้งเข้ากับเบาะรถยนต์ได้ทุกยี่ห้อ
มีเข็มขัดในตัว เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยของคุณ คาร์ซีทรุ่นนี้สามารถติดตั้งได้ง่าย และสามารถปรับเบาะได้ 3 ระดับ ทั้ง นั่ง เอน และนอน เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี หรือ เด็กที่มีน้ำหนักไม่เกิน 18 กิโลกรัม
ได้การรับรองมาตรฐานจาก มอก.ในไทย รุ่นนี้สามารถถอดออกซักได้อย่างง่ายดาย เหมาะสำหรับลูกน้อยของคุณ เพื่อการเดินทางที่ปลอดภัยไม่ต้องกังวลอีกต่อไปค่ะ
ข้อดี
- ล็อคกับเบาะรถยนต์ได้สะดวก
- มีเข็มขัดในตัว ติดตั้งง่าย
- สามารถปรับ (นั่ง/เอน/นอน) ได้
- สามารถถอดซักได้
ข้อด้อย
- ยังไม่พบข้อเสียจากผู้ใช้งาน
6.คาร์ซีท CARMIND รุ่น Z-12B
Carmind คาร์ซีทที่นั่งเด็กในรถ รุ่น Z-12B มีการออกแบบที่หลากหลายของโครงสร้างและผ้าคลุมเบาะ ออกแบบให้หนาเป็นพิเศษ เพื่อดูดซับแรงกระแทก เน้นตำแหน่งหัว และลำตัว ขนาดสินค้า 48x48x67 ซม. น้ำหนักตัวสินค้า 1 กก.
ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป ECE R44/04 มีสายรัดนิรภัย 5 จุด พร้อมเบาะรองคอเพื่อป้องกันและลดแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี สามารถปรับตำแหน่งให้เหมาะสมกับความสูงของเด็ก มีระบบป้องกันจากด้านข้าง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของลูกน้อย
เบาะนั่งมีขนาดใหญ่และกว้างขึ้น ระบายอากาศได้ดี ให้ลูกน้อยรู้สึกสบายตัวหากต้องนั่งเป็นเวลานาน ๆ สามารถใช้เป็นที่นั่งเสริมสำหรับเด็กโตได้หลายทิศทาง สามารถปรับเบาะให้เอนขึ้นลงได้
และสามารถติดตั้งได้ 2 ทิศทาง คือหันหน้าเข้าหาเบาะรถ และหันหน้าออกจากเบาะรถ สามารถอดเบาะซักทำความสะอาดได้ ให้ลูกน้อยของคุณรู้สึกมีความสุขขณะนั่งอยู่ในคาร์ซีทเป็นเวลานาน ๆ ค่ะ
ข้อดี
- เหมาะสำหรับเด็กที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 9 ถึง 36 กิโลกรัม
- เบาะรองนั่งมีขนาดใหญ่นั่งได้สบาย
- มีระบบป้องกันการกระแทกด้านข้าง
- สามารถใช้เป็นที่นั่งเสริมสำหรับเด็กโตได้
- เบาะสามารถถอดซักได้
ข้อด้อย
- ยังไม่พบข้อเสียจากผู้ใช้งาน
7.คาร์ซีท GD BABY รุ่น CS_GB
คาร์ซีท Giftedbaby โครงสร้างผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง แข็งแรง รองรับน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยม ใช้งานได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด – 4 ปี มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สามารถปรับหันได้ 2 ทางคือหันหน้าและหันหลัง สามารถปรับพนักพิง
ได้ถึง 3 ระดับ เบาะนั่งกว้าง นั่งและนอนได้อย่างสบายไม่อึดอัดเมื่อต้องนั่งในรถเป็นเวลานาน ๆ เพราะเบาะนั่งใช้ผ้าระบายอากาศที่ผ่านมาตรฐาน และระบายความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม ติดตั้งง่ายและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ด้วยระบบเข็มขัดนิรภัยที่มีมากถึง 5 จุด และสามารถถอดออกซักทำความสะอาดได้ง่าย และมีการรับประกันสินค้านาน 7 วันนับจากวันที่ได้รับสินค้าค่ะ
ข้อดี
- สามารถปรับหันได้ 2 ทาง หันหน้า-หันหลัง
- ใช้งานได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด – 4 ปีอายุการใช้งานยาวนาน
- วัสดุคุณภาพสูง แข็งแรง รองรับน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยม
- ติดตั้งได้ด้วยระบบเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์
- ปรับพนักพิง ได้ถึง3ระดับ นั่ง เอน นอน
ข้อด้อย
- ยังไม่พบข้อเสียจากผู้ใช้งาน
8.คาร์ซีท BABYDEDE รุ่น SET003
คาร์ซีท Babydede รุ่น SET003 ผลิตจากวัสดุปลอดสารพิษ ไม่มีกลิ่น บุเบาะอ่อนนุ่ม ระบายอากาศได้ดี และเป็นคาร์ซีทแบบพกพา เหมาะสำหรับเด็กตั้งแต่ อายุ 9 เดือน – 6 ปี สามารถรับน้ำหนักของเด็กได้มากถึง 50 กิโลกรัม
ติดตั้งง่ายและสามารถติดตั้งได้ทั้งเบาะหน้าและเบาะหลัง นั่งสบายเพราะได้ออกแบบมาตามสรีระคาสตร์ มีน้ำหนักเบา พับเก็บง่าย และสามารถใช้ได้กับรถทุกประเภทค่ะ
ข้อดี
- มีขนาดเล็ก กะทัดรัด พกพาสะดวก
- ติดตั้งง่าย
- สามารถรับน้ำหนักของเด็กได้มากถึง 50 กิโลกรัม
- ผลิตจากวัสดุปลอดสารพิษ ไม่มีกลิ่น
- เบาะนั่งสามารถนั่งได้อย่างสบายไม่อึดอัด
- ราคาไม่แพง
ข้อด้อย
- ยังไม่พบข้อเสียจากผู้ใช้งาน
9.คาร์ซีท BABY BOO รุ่น T902
คาร์ซีท baby boo รุ่น T902 ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพเกรด A คาร์ซีทรุ่นนี้เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 0-6 ขวบสามารถปรับเบาะนั่งได้ 3 ระดับคือ นั่ง เอน นอน และสามารถติดตั้งได้กับรถยนต์ทุกชนิด มาพร้อมเข็มขัดในตัวสำหรับทารกเพื่อเสริมความปลอดภัย เบาะสามารถถอดซักได้ค่ะ
ข้อดี
- ผลิตจากวัสดุเกรดเอ
- สามารถปรับเอนนอนได้ 3 ระดับ
- สามารถติดกับรถยนต์ได้ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ
ข้อด้อย
- ยังไม่พบข้อเสียจากผู้ใช้งาน
10.คาร์ซีท FICO รุ่น SQ303-1
คาร์ซีท Fico รุ่น SQ303-1 รุ่นนี้ผลิตวัสดุที่สามารถระบายอากาศได้เป็นอย่างดี เหมาะกับเด็กที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 9 – 36 kg. หรือมีอายุตั้งแต่ 9 เดือนถึง 12 ปี สายคล้องไหล่สามารถปรับความสูงได้ 2 ระดับ เพื่อให้เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของทารก
พนักพิงศีรษะสามารถปรับระดับความสูงได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่หมุนปุ่มที่อยู่ทางด้านบนเท่านั้น มีระบบสายรัด 5 จุด เพื่อการป้องกันที่ดีและปลอดภัยที่สุด
เบาะรองนั่งที่มีความกว้างให้ลูกน้อยของคุณเคลื่อนตัวได้อย่างอิสระมากขึ้นและไม่งอแงเมื่อต้องนั่งในรถเป็นเวลานาน ๆ ขนาดสินค้า 45x50x80 ซม. น้ำหนักสินค้า 5.5 กก. และที่สำคัญได้รับการอนุมัติมาตรฐาน ECE R44/04 อีกด้วยค่ะ
ข้อดี
- เหมาะกับเด็กที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 9 – 36
- สายคล้องไหล่สามารถปรับความสูงได้ 2 ระดับ
- พนักพิงศีรษะสามารถปรับระดับความสูงได้อย่างง่ายดาย
- มีระบบสายรัด 5 จุดเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็กได้เป็นอย่างดี
ข้อด้อย
- ยังไม่พบข้อเสียจากผู้ใช้งาน
บทสรุป
สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่กำลังมองหาคาร์ซีทไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่มีด้ามหิ้วแบบพกพาหรือรุ่นติดตั้งอยู่กับที่ภายในรถก็คงพอจะได้ไอเดียกันบ้างแล้วว่าแบบไหนถึงจะเหมาะกับการใช้งานของคุณ
และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคาร์ซีททั้ง 10 อันดับที่เราได้แนะนำให้คุณไปนั้นจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจซื้อของคุณได้ง่ายขึ้นนะคะ
ให้คะแนนพวกเรา!
Average rating 5 / 5. Vote count: 1
No votes so far! Be the first to rate this post.